top of page

ย้อนดู Apple Watch ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

  • รูปภาพนักเขียน: iPhone iOS Thailand
    iPhone iOS Thailand
  • 25 เม.ย. 2563
  • ยาว 1 นาที


Apple Watch อยู่ในตลาดสมาร์ทวอทช์มา 5 ปีแล้ว นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 24 เมษายน 2015 และในโอกาสครบรอบ 5 ปี เว็บไซต์ MacRumors ได้สรุปฟีเจอร์เด่นของ Apple Watch ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน ว่าในแต่ละปีมีพัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง



  • Apple Watch Series 1 เปิดตัวในเดือนเมษายนปี 2015 ความจริงแล้ว Apple แนะนำ Apple Watch รุ่นแรก ในเดือนกันยายน 2014 ก่อนจะเปิดตัวทางการในเดือนมีนาคม 2015 และวางจำหน่ายในเดือนเมษายนของปีนั้น โดยมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 38 มม. และ 42 มม. มาพร้อมพื้นฐานของ Apple Watch รุ่นถัดไป ตั้งแต่ปุ่มควบคุมแบบหมุน Digital Crown ไปจนถึงวงแหวนกิจกรรม และมีรุ่นพรีเมี่ยม Apple Watch Edition ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต ที่มีราคาสูงถึง 17,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 551,740 บาท

  • Apple Watch Series 2 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2016 มาพร้อมชิป S6 แบบ Dual Core เร็วกว่ารุ่นแรกถึง 50% จอแสดงผลก็สว่างกว่าเดิม 2 เท่า และยังมี GPS ในตัว กันน้ำลึก 50 เมตร สวมใส่ว่ายน้ำในสระได้ ขณะเดียวกัน Apple ก็ได้อัพเกรด Apple Watch รุ่นแรก ด้วยการติดตั้งชิป S6 และมีให้เลือกเฉพาะรุ่นตัวเรือนอะลูมิเนียม

  • Apple Watch Series 3 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2017 มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นคือการเพิ่มรุ่นที่รองรับ LTE ทำให้ Apple Watch รองรับฟีเจอร์การโทร ข้อความ สตรีมเพลงจาก Apple Music และเป็นอิสระจาก iPhone มากขึ้น Apple Watch Series 3 ยังได้รับชิปรุ่นใหม่ S3 เร็วกว่ารุ่นก่อน 70% พร้อมด้วยชิป W2 ทำให้การเชื่อมต่อ Wi-Fi เร็วขึ้น 85% ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 50% นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดความสูงแบบความกดอากาศ สำหรับการติดตามกิจกรรมที่ต้องขึ้นที่สูง

  • Apple Watch Series 4 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2018 ได้ยกระดับการติดตามสุขภาพด้วยแอพ ECG สำหรับวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า และ Fall Detection สำหรับติดตามการล้ม อีกทั้งยังได้รับการออกแบบใหม่หมด ด้วยขอบจอแสดงผลที่บางลง และปรับเป็นขนาด 40 มม. กับ 44 มม. โดยใช้ชิป S4 แบบ 64-bit ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

  • Apple Watch Series 5 เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2019 โดยออกมาแทนที่ Series 4 ด้วยดีไซน์เดิม เพิ่มเติมฟีเจอร์ Always-On Retina Display ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นเวลาและข้อมูลสำคัญบนหน้าจอได้ตลอดเวลา พร้อมแอพเข็มทิศใหม่ และได้รับความจุในตัว 32GB มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่น Series 4 นอกจากนี้ รุ่น LTE ยังสามารถโทรติดต่อบริการฉุกเฉินทั่วโลกมากกว่า 150 ประเทศ



คาดว่า Apple Watch Series 6 ที่จะมาถึงในปลายปีนี้ จะได้รับฟีเจอร์ติดตามสุขภาพการนอนหลับ วัดระดับออกซิเจนในเลือด ปรับปรุงประสิทธิภาพ, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, คุณสมบัติกันน้ำ และมีความเป็นไปได้ที่จะรองรับ Touch ID

ที่มา : MacRumors




เว็บซ่อมไอโฟน ซ่อมMac : http://bit.do/macupstudiofixservice

ศูนย์ซ่อม iPhone iPad : https://www.facebook.com/MacUpStudio/

ศูนย์ซ่อม Mac iMac : https://www.facebook.com/MacUpStudio/


Comments


bottom of page